ลักษณะของวงโคจร
| |||||||
จุดเริ่มยุค J2000
| |||||||
816,081,455 กม.
(5.45516759 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||
(4.95155843 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||
(5.20336301 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||
เส้นรอบวง
ของวงโคจร: |
4.888 เทระเมตร
32.675 หน่วยดาราศาสตร์ | ||||||
0.04839266
| |||||||
398.86 วัน
| |||||||
13.050 กม./วินาที
| |||||||
อัตราเร็วสูงสุด
ในวงโคจร: |
13.705 กม./วินาที
| ||||||
อัตราเร็วต่ำสุด
ในวงโคจร: |
12.440 กม./วินาที
| ||||||
1.30530°
(6.09° กับศูนย์สูตรดวงอาทิตย์) | |||||||
100.55615°
| |||||||
274.19770°
| |||||||
จำนวนดาวบริวาร:
|
63
| ||||||
ลักษณะทางกายภาพ
| |||||||
เส้นผ่านศูนย์กลาง
ตามแนวศูนย์สูตร: | (11.209×โลก) | ||||||
เส้นผ่านศูนย์กลาง
ตามแนวขั้ว: | (10.517×โลก) | ||||||
0.06487
| |||||||
6.14×1010 กม.²
(120.5×โลก) | |||||||
1.338×1015 กม.³
(1235.6×โลก) | |||||||
มวล:
|
1.899×1027กก.
(317.8×โลก) | ||||||
ความหนาแน่นเฉลี่ย:
|
1.326 กรัม/ซม.³
| ||||||
ความโน้มถ่วง
ที่ศูนย์สูตร: |
23.12 เมตร/วินาที²
(2.358 จี) | ||||||
59.54 กม./วินาที
| |||||||
0.413538021 วัน
(9 ชม. 55 นาที 29.685 วินาที) | |||||||
ความเร็วการหมุน
รอบตัวเอง: |
12.6 กม./วินาที
(45,300 กม./ชม.) | ||||||
3.13°
| |||||||
ไรต์แอสเซนชัน
ของขั้วเหนือ: |
268.05°
(17 ชม. 52 นาที 12 วินาที) | ||||||
เดคลิเนชัน
ของขั้วเหนือ: |
64.49°
| ||||||
0.52
| |||||||
| |||||||
ลักษณะของบรรยากาศ
| |||||||
ความดันบรรยากาศ
ที่พื้นผิว: |
70 กิโลปาสกาล
| ||||||
องค์ประกอบ:
|
~86% ไฮโดรเจน
~14% ฮีเลียม 0.1% มีเทน 0.1% ไอน้ำ 0.02% แอมโมเนีย 0.0002% อีเทน 0.0001% ไฮโดรเจนฟอสไฟด์ <0.0001% ไฮโดรเจนซัลไฟด์ |
ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 5 และเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ นอกจากดาวพฤหัสบดี ดาวเคราะห์แก๊สดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะได้แก่ ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ชื่อละตินของดาวพฤหัสบดี (Jupiter) มาจากเทพเจ้าโรมัน สัญลักษณ์แทนดาวพฤหัสบดี คือ ♃ เป็นสายฟ้าของเทพเจ้าซุส
ดาวพฤหัสบดีมีมวลสูงกว่ามวลของดาวเคราะห์อื่นรวมกันราว 2.5 เท่า ทำให้ศูนย์ระบบมวลระหว่างดาวพฤหัสบดีกับดวงอาทิตย์ อยู่เหนือผิวดวงอาทิตย์ (1.068 เท่าของรัศมีดวงอาทิตย์ เมื่อวัดจากศูนย์กลางดวงอาทิตย์) ดาวพฤหัสบดีหนักว่าโลก 318 เท่า เส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่าโลก 11 เท่า และมีปริมาตรคิดเป็น 1,300 เท่าของโลก เชื่อกันว่าหากดาวพฤหัสบดีมีมวลมากกว่านี้สัก 60-70 เท่า อาจเพียงพอที่จะให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์จนกลายเป็นดาวฤกษ์ได้
ดาวพฤหัสบดีหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วสูงที่สุด เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ ทำให้มีรูปร่างแป้นเมื่อดูผ่านกล้องโทรทรรศน์ นอกจากชั้นเมฆที่ห่อหุ้มดาวพฤหัสบดี ร่องรอยที่เด่นชัดที่สุดบนดาวพฤหัสบดี คือ จุดแดงใหญ่ ซึ่งเป็นพายุหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก
โดยทั่วไป ดาวพฤหัสบดีเป็นวัตถุที่สว่างที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในท้องฟ้า (รองจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวศุกร์ อย่างไรก็ตาม บางครั้งดาวอังคารก็ปรากฏสว่างกว่าดาวพฤหัสบดี) จึงเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ การค้นพบดาวบริวารขนาดใหญ่ 4 ดวง ได้แก่ ไอโอ, ยูโรปา, แกนีมีด และคัลลิสโต โดยกาลิเลโอ กาลิเลอี เมื่อ ค.ศ. 1610 เป็นการค้นพบวัตถุที่ไม่ได้โคจรรอบโลกเป็นครั้งแรก นับเป็นจุดที่สนับสนุนทฤษฎีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางที่เสนอโดยโคเปอร์นิคัส การออกมาสนับสนุนทฤษฎีนี้ทำให้กาลิเลโอต้องเผชิญกับการไต่สวน
วงแหวน
ดูบทความหลักที่ วงแหวนของดาวพฤหัสบดี
องค์ประกอบของวงแหวนดาวพฤหัสบดี
ดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเสาร์ แต่มีความเลือนลางและขนาดเล็กกว่า สามารถเห็นได้ในรังสีใต้แดงทั้งจากกล้องโทรทรรศน์ที่พื้นโลกและจากยานกาลิเลโอ
วงแหวนของดาวพฤหัสค่อนข้างมืด ซึ่งอาจประกอบด้วยเศษหินขนาดเล็ก และไม่พบน้ำแข็ง เหมือนที่พบในวงแหวนของดาวเสาร์ วัตถุที่อยู่ในวงแหวนของดาวพฤหัสอาจไม่อยู่ในวงแหวนนาน เนื่องจากแรงเหวี่ยงที่เกิดจากบรรยากาศและสนามแม่เหล็ก มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าวงแหวนได้วัตถุเพิ่มเติมจากฝุ่นที่เกิดจากอุกกาบาตตกชนดาวบริวารวงใน ซึ่งเนื่องจากพลังงานมหาศาลจากแรงดึงดูดขนาดใหญ่ของดาวพฤหัส